Last updated: 9 ธ.ค. 2565 | 258 จำนวนผู้เข้าชม |
เมื่อน้ำมันหอมระเหย จากธรรมชาติ มีสารสำคัญต่อการดูแลสุขภาพ และวิธีการใช้ จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่จะช่วยให้น้ำมันหอมระเหยเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้น เทคนิค “การทา” หรือ Topically เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้น้ำมันหอมระเหย เข้าสู่ร่างกายและไปช่วยเสริมการทำงานของร่างกายได้
ขอแนะนำ 6 ตำแหน่งที่ดีและเหมาะสม สำหรับการทาน้ำมันหอมระเหย เพื่อให้น้ำมันหอมระเหยซึมเข้าสู่ร่างกายได้เร็ว และเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด และช่วยแก้อาการได้อย่างตรงจุด ได้แก่
1. ฝ่าเท้า
บริเวณ ฝ่าเท้าของคนเรา จะมีรูขุมขนและเส้นประสาทจำนวนมากรวมกันอยู่ที่บริเวณนี้ เมื่อเราทาน้ำมันหอมระเหยลงไปที่ตำแหน่งนี้ ก็จะทำให้ซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้ซึมเข้าสู่ระบบประสาทของร่างกายได้ดีเช่นกัน
สำหรับผู้ที่นอนหลับยาก หรือกระวนกระวาย กระสับกระส่าย หากได้ทาน้ำมันหอมระเหย เช่น Frankincense , Sandal Wood , Lavender ก็จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ช่วยลดความวิตกกังวล อาการกระสับกระส่าย และยังช่วยให้นอนหลับได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยสามารถทาก่อนนอนแล้วสวมถุงเท้าก็จะช่วยให้การนอนหลับของคุณดีขึ้นอย่างเห็นผลชัดเจน
2. แนวกระดูกสันหลัง
บริเวณแนวกระดูกสันหลัง เป็นอีกแนวที่มี "เส้นประสาท" จำนวนมากอยู่ที่แนวนี้ การที่ได้ทาน้ำมันหอมระเหย ในบริเวณนี้ ก็จะช่วยให้ซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี และมีประสิทธิภาพในการใช้เช่นกัน โดยเฉพาะ การทาน้ำมันหอมระเหย ที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ตำแหน่งนี้ จะช่วยได้มาก
น้ำมันหอมระเหย ที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้แก่ Wild Orange , Frankincense , Copaiba , Rosemary , Cinnamon ลองนำมาทา บริเวณแนวสันหลัง แล้วคุณจะได้เห็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง
3. กลางทรวงอก
บริเวณนี้ เป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจโดยตรง เพราะเป็นส่วนของอวัยวะที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น ปอด หัวใจ ทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร ดังนั้น การทาน้ำมันหอมบริเวณนี้ ก็จะช่วยให้น้ำมันหอมระเหย ซึมเข้าใต้ชั้นผิวหนังแล้วไปที่ปอด ทางเดินหายใจได้เร็วขึ้น รวมทั้ง เมื่อทาแล้ว ก็ยังได้รับกลิ่นของน้ำมันหอมระเหย เข้าสู่ทางเดินหายใจได้อีกทางด้วย การทาตำแหน่งนี้ จึงเหมาะกับการช่วยการหายใจ อาการที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจ หายใจไม่ค่อยออก เป็นหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล หากนึกภาพไม่ออก ลองนึกถึง ตอนเด็กๆ ที่คุณแม่มักจะทา บาล์มที่ผสม ยูคาลิปตัส ให้ตอนนอน จะช่วยให้เราหายใจได้โล่งขึ้น ดีขึ้น และผ่อนคลาย จนเราเองก็หลับไปตอนไหนไม่รู้ ^_^
น้ำมันหอมระเหยที่เหมาะกับการทาบริเวณนี้ ได้แก่ Eucalyptus , Rosemary , Teatree , Cardamom , Caraway , Peppermint จะช่วยให้หายใจได้โล่งขึ้น ลดอาการคัดจมูก อีกทั้ง สรรพคุณของน้ำมันหอมระเหย ยังช่วยลดเชื้อโรคที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจได้เป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน และยังช่วยเสริมภูมิต้านทานให้กับเราได้อีกทางด้วย
4. ข้อมือ
บริเวณ ข้อมือ คือ จุดชีพจร อีกจุดที่เราสามารถแตะแล้วสัมผัสได้ถึงการสูบฉีดเลือด ซึ่งสัมพันธ์กับการเต้นของหัวใจ จุดที่ข้อมือนี้ จึงเป็นจุดที่ มีเลือดไหลผ่านตามการเต้นของหัวใจ ดังนั้นการทา น้ำมันหอมระเหยบริเวณข้อมือนี้ จะช่วยให้น้ำมันซึมเข้าสู่ร่างกาย และไหลเวียนทั่วร่างกายได้เร็วขึ้นด้วย และที่ดีอีกอย่าง คือ เมื่อเราทาที่บริเวณข้อมือแล้ว เราสามารถยกข้อมือขึ้นมาดมความหอม ความผ่อนคลาย ได้ด้วย และถ้าเราเอาข้อมือ ทั้ง 2 ข้างมาถูให้เกิดความอุ่นขึ้นเล็กน้อย จะช่วยให้กลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหย ชัดขึ้น และหอมมากขึ้นด้วย
น้ำมันหอมระเหย สำหรับทาบริเวณนี้ ใช้ได้กับทุกตัว ที่ต้องการ โดยเน้นที่กลิ่นหอมที่คุณชื่นชอบ จะดีกว่า เพราะคุณจะอดไม่ได้แน่ๆ ที่ทาแล้ว จะต้องยกขึ้นมา สูดดมความหอม เพื่อสร้างความผ่อนคลายให้กับคุณ หรือ จะทำเป็น Perfume ที่ช่วยสร้างความหอมเพื่อสร้างความสนใจให้กับคนรอบข้างได้ ก็น่าสนใจไม่เบา
5. ขมับศีรษะ
บริเวณนี้ ใช้สำหรับทา เพื่อสร้างความผ่อนคลายและบรรเทาอาการปวดศีรษะได้เป็นอย่างดี เพราะด้วยตำแหน่งนี้ อยู่บริเวณใกล้กับสมองและศูนย์รวมระบบประสาทของเรา รวมทั้งตำแหน่งนี้ เราก็ยังได้กลิ่นหอมๆ ที่ผ่อนคลายเข้าสู่ระบบประสาทของเราด้วยเช่นกัน ส่งผลให้การทาบริเวณนี้ ช่วยในเรื่องการบรรเทาอาการปวดหัว เวียนหัว ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งการช่วยให้ตื่นตัว หรือเสริมสมาธิได้ด้วย
สำหรับน้ำมันหอมหอมระเหย ที่เหมาะกับทาบริเวณนี้ ได้แก่ Peppermint , Eucalyptus , Spearmint , Camphor , Frankincense ( ช่วยสมาธิ ) , Sandal wood ( ช่วยสมาธิ )
6. บริเวณลำคอด้านข้างทั้ง 2 ข้าง
บริเวณนี้ เป็นตำแหน่งของทางเดินหายใจ และหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงสมอง ดังนั้น การทาน้ำมันหอมบริเวณนี้ จะช่วยเพิ่มสร้างความผ่อนคลาย ที่ส่งผลต่อระบบประสาท และบริเวณนี้ ยังใช้นวดเพื่อคลายความตึงเครียดได้ด้วย
น้ำมันหอมระเหยที่เหมาะสมกับการทา บริเวณนี้ เพื่อกระตุ้นระบบการทำงานของสมอง และสร้างความผ่อนคลายให้กับกล้ามเนื้อบริเวณนี้ ได้แก่ Peppermint , Spearmint , Rosemary , Camphor , Wintergreen เป็นต้น
และนี่คือ "จุดทา" นำ้มันหอมระเหยที่มีประสิทธิภาพ ช่วยเสริมการทำงานของร่างกายได้เป็นอย่างดี จะเห็นได้ว่า การทา น้ำมันหอมระเหย ในบริเวณส่วนต่างๆของร่างกาย หากทาได้ถูกบริเวณและเหมาะสม จะช่วยทำให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายสูงสุด และที่สำคัญ การทาน้ำมันหอมระเหย ควรผสมหรือเจือจางกับ น้ำมันตัวพา หรือ Carrier Oil ก่อน เพื่อลดการระคายเคือง โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวที่บอบบาง หรือเด็กน้อยที่มีผิวบอบบาง รวมทั้ง ควรเลือกใช้ น้ำมันตัวพาบริสุทธิ์ มีมวลน้ำหนักเบา เช่น น้ำมันมะพร้าวสกัดแยกส่วน หรือ Fractionate Coconut Oil เพื่อให้ซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่มีกลิ่นไปรบกวนกับความหอมของน้ำมันหอมระเหย เพื่อที่จะได้สัมผัสกลิ่นหอมๆ ของน้ำมันหอมระเหย ได้อย่างชัดเจนที่สุด
ทั้งนี้ ยังมีจุดอื่นๆ ที่ยังสามารถทาได้และส่งผลต่ออวัยวะบริเวณนั้นได้อีกหลายจุด ได้แก่
บริเวณท้อง สำหรับอาการปวดท้อง ลมเยอะ
บริเวณท้องน้อย สำหรับคุณสุภาพสตรี ที่มีอาการปวดประจำเดือน หรือฮอร์โมนไม่คงที่
บริเวณกล้ามเนื้อ เมื่อมีอาการปวดเมื่อย เมื่อยล้า
และนี่เป็นอีกเทคนิค หรือวิธีการใช้น้ำมันหอมระเหยสำหรับการดูแลสุขภาพ และช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ของร่างกาย และ น้ำมันหอมระเหย ไม่ใช่แค่ให้ “กลิ่นหอม” เท่านั้น แต่ยังช่วยดูแลสุขภาพของเราให้แข็งแรงได้ด้วย ดังนั้น ก่อนที่จะเลือกใช้น้ำมันหอมระเหย ควรศึกษาถึงความบริสุทธิ์ ความปลอดภัย และคุณภาพของน้ำมันหอมระเหย ก่อนที่จะใช้หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันหอมระเหยก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ เพราะคุณอาจจะได้น้ำมันหอมระเหย ที่เป็นสารสังเคราะห์ ที่ให้แค่กลิ่นหอม เพียงอย่างเดียว แต่ไม่สามารถนำมาใช้ในการดูแลสุขภาพได้ ยิ่งเป็นการสร้างภาระหรือเติมสารที่ไม่มีประโยชน์ให้กับร่างกายของคุณ
#Tatiyathailand
22 ม.ค. 2567
21 พ.ย. 2566
2 ม.ค. 2567
21 พ.ย. 2566